งามไส้แล้วไหมล่ะ บิ๊ก 6 “พรีเมียร์ลีก” เสี่ยงผิดกฎการเงิน “เชลซี” ขาดดุลสูงถึง 3.6 พันล้านบาท

 

ส่องทีมบิ๊ก 6 เสี่ยงผิดกฎการเงิน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ขาดดุลสูงถึง 3,675 ล้านบาท เข้าข่ายผิดกฎ แต่เชื่อว่าทีมจะผ่องถ่ายนักเตะส่วนเกินออกไปจนทีมพ้นความเสี่ยง

วันที่ 22 ส.ค. 67 ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดซื้อ-ขายนักเตะของ พรีเมียร์ลีก ที่เป็นไปอย่างคึกคัก แต่อีกด้านที่ทีมต่างๆ ในลีกต้องระมัดระวังในการจับจ่าย นั่นคือ กฎการเงินที่ห้ามทีมขาดดุลทางการเงินเกิน 105 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,683 ล้านบาท ทั้งนี้ทีมที่เป็นกรณีศึกษาอย่าง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ก็ถูกปรับเงิน และตัดแต้มไปถึง 15 แต้ม แล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา

ซึ่งนี่ยังมีทีมที่รอขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีความอยู่ คือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องคดีไปทั้งหมด 115 คดี ผลจะเป็นอย่างไรนั้นศาลจะตัดสินในช่วงต้นปี 2025 แล้วทีมบิ๊ก 6 ลงทุน และขาดดุลกันไปเท่าไร มีข้อมูลที่รวบรวมมาไว้แล้วจากเว็บไซต์ “Transfermarkt” ดังนี้

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี

ลงทุนไปแล้วสำหรับขาเข้า 241 ล้านยูโร ขายนักเตะทำเงินได้เข้าสู่สโมสร 145 ล้านยูโร ขาดทุน 96 ล้านยูโร นับว่าเป็นทีมที่มีความเสี่ยงสูง ถึงแม้จะมีการขายนักเตะออกไปเยอะ แต่ขาเข้านับ 10 ชีวิต ผู้สนับสนุนคาดหน้าอกก็ยังไม่มีเหมือนชาวบ้าน แถมไม่มีลูกค้าเจ้าไหนเข้ามาสนับสนุนถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว เจ้าของเป็นผู้มีบารมีในวงการธุรกิจก็จริง แต่ทว่าในวงการลูกหนังมีเรื่องกฎการเงินที่ไม่ว่ารวยขนาดไหน ถ้าบริหารให้สโมสรขาดดุลทางการเงิน อาจเสี่ยงต่อการผิดกฎได้

“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตลาดซื้อ-ขายใประจำฤดูกาลนี้มีการเสริมทัพอย่างรวดเร็ว และเป็นบิ๊กดีลทั้งสิ้น แถมยังมากถึง 4 รายด้วยกัน ทั้งนี้ลงทุนไปแล้ว 164.5 ล้านยูโร รายได้ที่พวกเขาทำได้คือ 66.1 ล้านยูโร ขาดทุน 98.4 ล้านยูโร ซื้อนักเตะในจำนวนน้อยกว่า ส่วนขาออกทำได้ไม่ถึงเป้า แต่ขาดทุนในตลาดครั้งนี้มากกว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กว่า 2 ล้านยูโร เป็นตัวเลขที่สุ่มเสี่ยงมากสำหรับทีมใหญ่ที่ขาดทุนกันเกือบ 100 ล้านยูโร

“ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส

เป็นอีกทีมที่ลงทุนตลาดเยอะมากในปีนี้ ซึ่งใช้จ่ายไปแล้ว 148.8 ล้านยูโร ขาออกทำได้เพียง 50 ล้านยูโร ขาดทุน 98.5 ล้านยูโร “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ “อังเก ปอสเตโคกลู” นายใหญ่ชาวออสเตรเลีย เขามีส่วนร่วมในการเลือกตัวผู้เล่นด้วยตัวเอง และไม่สนใจว่าจะราคาเท่าไร หากชอบต้องได้ เพื่อความสำเร็จอย่างจับต้องได้ “แดเนียล เลวี” ประธานสโมสรจึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะลงตลาดและใช้เงินมหาศาล ดังนั้น “สเปอร์ส” ถึงไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงเรื่องกฎการเงินมากนัก

“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล

จากประสบการณ์ลุ้นแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมผมสวย เน้นการเสริมทัพไปที่แนวรับ ซึ่งทำให้ทีมงานซื้อ-ขายต้องไปดึงตัว “ริคคาร์โด กาลาฟิโอรี” มาในราคา 49 ล้านยูโร จึงมีรายจ่ายในฤดูกาลนี้รวม 76.9 ล้านยูโร ส่วนขาออกขายนักเตะได้เพียง 31.8 ล้านยูโร ทีมขาดทุนไปเพียง 45 ล้านยูโร ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับบรรดาทีมใหญ่ด้วยกัน

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ไฮไลต์ในลิสต์นี้ต้องเป็นทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์เท่านั้น จากที่กล่าวมาเบื้องต้นที่พวกเขาต้องคดี 115 คดี แถมยังจะถูกตัดสินภายในฤดูกาลนี้ จำเป็นที่จะต้องเซฟรายจ่ายให้ได้มากที่สุด จะเห็นได้ว่า “แมนฯ ซิตี้” จ่ายเงินในตลาดครั้งนี้ไปเพียง 25 ล้านยูโร ในการดึงตัว “ซาวิญโญ” มาร่วมทีม ในส่วนของขาออกขายนักเตะและทำรายได้เข้าสโมสรสูงถึง 116 ล้านยูโร ซึ่งเป็นทีมที่มีสมดุลทางการเงินดีที่สุด โดยมีรายรับหลังหักรายจ่ายแล้วอยู่ที่ 91 ล้านยูโร

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

สิ่งที่แฟนบอลสบายใจได้เลยในเรื่องของการทำผิดกฎการเงินของประธานสโมสร “จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี” ที่ไม่เคยบริหารแล้วทีมขาดทุนเลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว ในการใช้จ่ายกับนักเตะ แต่จะมีบ้างที่ลงทุนไปกับการพัฒนาสโมสรส่วนอื่นๆ เช่น ปรับปรุงอัฒจันทร์ สร้างศูนย์ฝึก ลงทุนกับดาวรุ่ง ซึ่งไม่นานพวกเขาก็สามารถเคลียร์บัญชีได้สำเร็จ ในฤดูกาลนี้ยังไม่ได้ใช้เงินแม้แต่เพนนีเดียว แถมยังขายนักเตะดาวรุ่งอย่าง “ฟาบิโอ คาร์วัลโญ” ได้ถึง 24 ล้านยูโร และกำลังจะปล่อยดาวรุ่งคนอื่นๆ เพื่อทำเงินเข้าทีม เช่น คลาร์ก, เซปป์, ไทเลอร์ มอร์ตัน และลุก ชามเบอร์.

 

ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2809786