เมาริซิโอ ซาร์รี กุนซือ เชลซี เมินเสียงตำหนิของแฟนๆ กังวลแค่ผลงานลูกทีม หลังพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 0-2 ยุติเส้นทางใน ศึก เอฟเอ คัพ ไว้แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
บรรยากาศที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ สร้างความกดดันแก่ ซาร์รี วัย 60 ปี อย่างฉับพลัน ตั้งแต่ ยูไนเต็ด ขึ้นนำด้วยลูกโหม่งของ อันเดร์ เฮร์เรรา กับ พอล ป็อกบา ทั้งเสียงโห่ และก่นด่า “F*** Sarriball (ฟุตบอลของ ซาร์รี ห่วยแตก)” ในขณะที่ลูกทีมหาช่องเจาะแนวรับ ทีมเยือนไม่ได้
“สิงโตน้ำเงินคราม” ปราชัย ครั้งที่ 5 จาก 12 เกมรวมทุกรายการ เฉพาะปี 2019 ทว่า อดีตเทรนเนอร์ นาโปลี ยืนกรานหนักแน่น สิ่งที่ตนเป็นห่วง คือ ฟอร์มอันย่ำแย่ของนักเตะ มากกว่าเสียงโจมตีของแฟนๆ
บิ๊กบอสชาวอิตาเลียน กล่าว “ผมวิตกแค่ผลการแข่งขัน ไม่เกี่ยวกับแฟนๆ เลย แน่นอนผมเข้าใจความรู้สึกหงุดหงิดของพวกเขา เพราะมันไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ดี และเราตกรอบ เอฟเอ คัพ”
“ผมคิดว่าเราไร้โชค เพราะครึ่งแรกเราเล่นดีกว่า แต่พอพักครึ่งสกอร์กลับตาม 0-2 ครึ่งหลังนับว่าเป็นงานหนัก เพราะพวกเขาตั้งรับต่ำมาก และแน่นหนา แถมเรายังเล่นด้วยความสับสน”
ขณะเดียวกัน สาวก “สิงห์บลูส์” ไม่สบอารมณ์การเปลี่ยนตัว ปล่อยตัวรุกอย่าง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย กับ โอลิวิเยร์ ชีรูด์ ไว้บนม้านั่งสำรอง และเลือกทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่ง ดาวิเด ซัปปาคอสตา แบ็กขวา แทน เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา กัปตันทีม ก่อนจบเกม 8 นาที
สุดท้ายนี้ ซาร์รี ย้ำชัดเจน ไม่กังวลประเด็นถูกไล่ออก “ปัญหาของผม คือ ทำงานกับผู้เล่น เพื่อยกระดับฟอร์มอีก 2-3 วันข้างหน้า และเฟ้นหาแรงจูงใจกับความเฉียบขาดให้มากขึ้น”