พลีมัธ อาร์ไกล์ ทีมบ๊วยของแชมเปี้ยนชิพ สวมบทแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์แบบช็อกทั้งโลกด้วยการเปิดบ้านเชือด หงส์แดง ลิวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก จากลูกจุดโทษ 1-0
ศึกเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4 ประจำวันที่ 9 ก.พ.68 ที่สนามโฮม พาร์ค ระหว่าง พลีมัธ ทีมบ๊วยในลีกแชมเปี้ยนชิพ พบ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ซึ่งโรเตชั่นผู้เล่นยกชุดส่ง เฟเดริโก้ เคียซ่า ออกสตาร์ตตัวจริงในแนวรุก ร่วมกับ ลุยซ์ ดีอาซ และ ดีโอโก้ โชต้า พร้อมให้โอกาส 2 ดาวรุ่งอย่าง เทรย์ เอ็นโยนี่ และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์
เริ่มเกมมาได้แค่ 11 นาที ลิเวอร์พูล ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตันคนแรกอย่างรวดเร็ว เมื่อ โจ โกเมซ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ก่อนจะเป็น อิซัค มาบาย่า ดาวรุ่งอีกคนถูกส่งลงมาเล่นแทน
เกมในครึ่งแรกหงส์แดง เป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่าแต่ ก็ไม่มีโอกาสที่จะจบสกอร์ได้ ทำให้ครึ่งแรกจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0
เริ่มครึ่งมาถึงนาทีที่ 52 จากจังหวะที่ เอลเลียตต์ สกัดบอลในเขตโทษแต่ดันไปโดนมือ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที เป็นทางด้าน ไรอัน ฮาร์ดี้ ดาวยิงตัวเก่งจะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดพาเจ้าบ้าน พลีมัธ ขึ้นนำก่อน 1-0
ช่วงเวลาที่เหลือหงส์แดง ดาหน้าบุกอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถส่งบอลเข้าประตูได้ ส่งผลให้จบเส้นทางในถ้วยเอฟเอ คัพ ไว้เพียงรอบ 4 เท่านั้น และยังคงไม่สามารถลบล้างอาถรรพ์ ที่หงส์แดงลงเตะเกม เอฟเอ คัพ ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จะพ่ายแพ้ทุกครั้งนับแต่ปี 1901 เป็นต้นมา
นักเตะที่ลงสนามทั้งสองทีม
พลีมัธ (3-4-2-1) : คอเนอร์ ฮาซาร์ด – ฆูลิโอ เปลเกซวยโล่ (วิคเตอร์ พลาส์สัน น.67), นิโกล่า คาติช, มักซิม ตาโลเวรอฟ – แม็ทธิว โซริโนล่า, ตีโมเทอุส พูชาด, อดัม แรนเดลล์ (มาลาชี่ บัวเต็ง น.72), ดาร์โก กาบี – คัลลั่ม ไรท์, ไมเคิ่ล ไบดู (มูฮาเหม็ด ทิยานี่ น.72) – ไรอัน ฮาร์ดี้ (ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ น.81)
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – จาร์เรลล์ ควอนซาห์, โจ โกเมซ (อิซัค มาบาย่า น.11 (ดาร์วิน นูนเญซ น.58)), วาตารุ เอ็นโด, คอสตาส ซิมิกาส – เจมส์ แม็คคอนเนลล์, เทรย์ นายโอนี่ (เทรนต์ โคน โดเฮอร์ตี้ น.76) – เฟเดริโก้ เคียซ่า, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ลุยส์ ดีอาซ – ดีโอโก้ โชต้า