ลูกา โมดริช มิดฟิลด์ชาวโครแอต คว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ประจำปี 2018 คืนวันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม ปิดฉากยุคของ ลิโอเนล เมสซี กับ คริสเตียโน โรนัลโด 2 ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังระดับโลก ที่ผลัดกันชมมานาน 10 ปี
โมดริช วัย 33 ปี ช่วย “ราชันชุดขาว” ครองแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกัน และ โครเอเชีย ฝ่าด่านถึงรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ครั้งแรก โดยถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ถึงแม้พ่าย ฝรั่งเศส 2-4 ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
อดีตนักเตะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ กล่าว “มันเป็นสัมผัสที่ไม่มีวันลืม ผมมีความสุข , ภูมิใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมมีความรู้สึกที่แตกต่างกันจนยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้”
บอลทองคำ ซึ่งตัดสินด้วยผลโหวตของ ผู้สื่อข่าว และจัดขึ้นโดยนิตยสาร “ฟรองซ์ ฟุตบอล” กลายเป็นรางวัลที่ เมสซี กับ โรนัลโด ผูกขาดมาตลอด นับตั้งแต่ปี 2008 แบ่งกันคนละ 5 สมัย
ผู้เล่นคนสุดท้าย ซึ่งสัมผัสโทรฟีนี้ นอกเหนือจาก เมสซี กับ โรนัลโด คือ กาก้า อดีตเทพบุตรลูกหนังบราซิเลียน สมัยค้าแข้งให้ เอซี มิลาน เมื่อปี 2007
ทั้งนี้ โรนัลโด ปีกจอมถล่มประตูของ ยูเวนตุส และ โปรตุเกส ได้รับการโหวตเป็นอันดับ 2 ตามด้วย อองตวน กรีซมันน์ ดาวยิง แอตเลติโก มาดริด , คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าอนาคตไกล ปารีส แซงต์ แชร์แมง และ เมสซี หล่นไปอยู่อันดับ 5
ส่วนรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฝ่ายหญิง ตกเป็นของ อดา เฮเกอร์เบิร์ก กองหน้าชาวนอร์เวย์ ด้วยผลงานยิงประตูช่วงต่อเวลาพิเศษ เอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก 4-1 พา โอลิมปิก ลียง ต้นสังกัด คว้าแชมป์ ชปล.