เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยอมรับแฟนๆ มีสิทธิ์ฉลองแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซึ่งรอคอยมานาน 30 ปี ล่วงหน้า แต่กำชับลูกทีมอย่าหลงระเริงแม้จะมีคะแนนนำแชมป์เก่าถึง 16 แต้ม
ประตูช่วงต้นและท้ายเกมของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก เซ็นเตอร์แบ็ก และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าชาวอียิปต์ ทำให้ “หงส์แดง” เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ที่สนามแอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม เก็บชัยเกมที่ 13 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ทั้งคู่เสมอกัน 1-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เดือนตุลาคม 2019
หลังจาก ซาลาห์ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายนาที 90+4 ด้วยการวางบอลยาวของ อลิสสัน นายทวารบราซิเลียน เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” ร้องเพลงประกาศศักดา “we are going to win the league (เราจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก)” ครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019-20
อย่างไรก็ตาม บิ๊กบอสชาวเยอรมัน ไม่คล้อยตามอารมณ์กองเชียร์ เนื่องจากอาจสร้างความกดดันแก่นักเตะ และมองถึงโปรแกรมต่อไป เยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่สนาม โมลินิวซ์ สเตเดียม วันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค.
คล็อปป์ วัย 52 ปี กล่าว “พวกเขามีสิทธิ์ฝัน และร้องเพลง ตราบใดที่พวกเขายังทำหน้าที่ของตัวเองช่วงเวลาเดียวกับที่เราลงสนาม ผมไม่มีความเห็นใดๆ ไม่ว่าเราจะคล้อยตามหรือไม่ ผมไม่แคร์เลย”
“สิ่งสำคัญอันดับแรก นี่คือ พรีเมียร์ ลีก เราต้องเจอ วูล์ฟสฯ วันพฤหัสบดีนี้ นั่นเป็นเกมที่ท้าทายสำหรับเรา ผมไม่มีช่องว่างในสมองจะครุ่นคิดประเด็นอื่น” อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทิ้งท้าย
ด้าน โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือ ยูไนเต็ด ยอมรับการเสียประตูเร็วจากเตะมุม เป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน “เกมไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ มีหลายจังหวะที่น่าผิดหวัง เพราะคุณคงไม่ชอบเสียประตูจากลูกตั้งเตะ เราดูดีช่วง 30 นาทีสุดท้าย แต่ขาดประสิทธิภาพทั้งการผ่านบอล และยิงประตู”