วิเคราะห์ก่อนเกม ทีมชาติไทย ปะทะ ซาอุดีอาระเบีย ฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดสาม
วันที่ 24 มกราคม 2567 วิเคราะห์เกมสำคัญ ทีมชาติไทย ที่มี มาซาทาดะ อิชิอิ คุมทัพ ปะทะ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่มี โรแบร์โต มันชินี นำทีม ในศึกเอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดที่ 3 ณ สนามเอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม ประเทศกาตาร์ วันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTV HD 36 และ T SPORT 7
วิเคราะห์บอล ทีมชาติไทย
ทีมชาติไทย อันดับ 113 ของโลก ฟอร์มสุดยอดมากตลอด 2 เกมที่ผ่านมาในเอเชียน คัพ 2023 เปิดหัวเอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 และเสมอ โอมาน 0-0 โอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายสดใส จนสื่อญี่ปุ่นยังต้องชื่นชมว่าเล่นได้ยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและรับ ซึ่งมี 2 สถิติดีกว่าญี่ปุ่น ทั้งการเก็บคลีนชีตที่ทำได้ทั้ง 2 นัด และมีแต้มมากกว่าชาติของพวกเขา และอีกหนึ่งสถิติที่สำคัญคือเป็น 1 ใน 2 ทีมที่ยังไม่เสียประตู หลังผ่านมาถึงตรงนี้ (อีกทีมคือ กาตาร์)
ความพร้อมเกมนี้ ทีมชาติไทย ไร้ปัญหานักเตะบาดเจ็บ แต่ติดที่ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายกัปตันทีม ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือของทีม จะต้องโยก นิโคลัส มิคเกลสัน ไปเล่นแบ็กซ้ายแทนที่ และคาดว่าจะส่ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ลงเล่นแทนในตำแหน่งแบ็กขวา
ส่วนตัวหลักๆ ที่เหลืออยู่ครบ นำโดย ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ ปฏิวัติ คำไหม ที่ได้รับคำชื่นชมจาก เอเอฟซี จากเกมเสมอ ทีมชาติโอมาน 0-0 หลังเซฟสวยๆ หลายครั้ง
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็น 11 ตัวจริงชุดนี้ อิชิอิ คงเลือกใช้ระบบ 4-4-2 ตามเดิม นำโดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (GK) – ศุภนันท์ บุรีรัตน์, สุพรรณ ทองสงค์, พรรษา เหมวิบูลย์, นิโคลัส มิคเกลสัน, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, บดินทร์ ผาลา, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด
วิเคราะห์บอล ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย
ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย อันดับ 56 ของโลก หรือเบอร์ 5 ของเอเชีย เข้ารอบน็อกเอาต์แน่นอนแล้ว หลังเก็บ 6 คะแนนเต็ม ด้วยการเอาชนะ โอมาน 2-1 และชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 นำทัพมาโดยกุนซือระดับโลกอย่าง โรแบร์โต มันชินี ที่เข้ามารับงานคุมทัพ “สิงห์ทะเลทราย” ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2023 คุมทีมมา 8 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 3 โดยเป้าหมายในเกมนี้ พวกเขายืนยันแล้วว่าต้องการคว้า 3 คะแนนเช่นกัน แต่ด้วยการที่เข้ารอบไปแล้ว อาจมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นจาก 2 เกมแรก
นักเตะที่น่าสนใจของทัพ “สิงห์ทะเลทราย” นำทัพโดย อาห์เหม็ด อัล-คัสซาร์ ผู้รักษาประตูจอมเก๋าวัย 32 ปี, โมฮาเหม็ด คานโน กองกลางวัย 29 ปี ที่ซัดไปแล้ว 1 ประตูในรายการนี้, ฟิราส อัลบุรัยกัน ดาวรุ่งตัวเก่งวัย 23 ปี ที่ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 38 นัด ยิง 6 ประตู รวมถึง ซาเลม อัล-ดอว์ซารี มิดฟิลด์วัย 32 ปี ลงสนาม 80 นัด ยิง 22 ประตู โดยทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะทั้ง 26 คนที่ติดทีมชุดนี้มาเล่นในลีกประเทศบ้านเกิดทั้งหมด ทำให้จุดเด่นคือการสื่อสารที่น่าจะเข้าใจกันดี อีกทั้งหลายๆ คนติดทีมมาต่อเนื่อง
สถิติที่พบกัน 18 นัด
ไทย ชนะ 3
เสมอ 1
ซาอุดีอาระเบีย ชนะ 14
โดย มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย มีโอกาสทำ 4 สถิติใหม่ในเอเชียน คัพ ให้ทัพ “ช้างศึก” ในเกมนี้
1. หากเสมอ ซาอุฯ จะเก็บแต้มในรอบแบ่งกลุ่มมากที่สุด ทำลายสถิติเดิมในปี 2007 และ 2019 (เก็บได้ 4 คะแนน)
2. หากไม่แพ้ ซาอุฯ จะทำให้ ทีมชาติไทย จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการไม่พ่ายแพ้หนแรกในประวัติศาสตร์
3. หากไม่เสียประตูให้ ซาอุฯ จะจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการไม่เสียประตูเป็นหนแรก
4. หากชนะ ซาอุฯ จะเป็นการคว้าชัยชนะหนแรกรอบ 40 ปี (หนสุดท้ายที่ชนะ ย้อนไปปี 1984 สกอร์ 3-1)
