ศึกลูกหนังยูโร 2024 รอบสุดท้ายเดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว คู่แรกของรอบนี้ “อัซซูรี” อิตาลี แชมป์เก่า พบกับ “นาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ จะฟาดแข้งกันวันที่ 29 มิ.ย.นัดนี้ลูชาโน สปัลเลตติ กุนซือชาวอิตาเลียนของแข้งมะกะโรนี ต้องปวดหัวเมื่อจะขาดแนวรับตัวเก่งอย่างริคคาร์โด กาลาฟิโอรี ที่ติดโทษแบน นอกจากนั้นยังต้องเช็กอาการของ เฟเดริโก ดิ มาร์โก แบ็กซ้ายตัวเก่งว่าจะฟิตทันหรือไม่ ส่วนมูรัต ยาคิน เฮดโค้ชชาวสวิส ต้องหนักใจ เมื่อ ซิลวาน วิดเมอร์ กองกลางคนสำคัญติดโทษแบนเช่นกัน แต่ตัวหลักๆอย่างกรานิต ชากา กัปตันทีม ยานน์ ซอมเมอร์ จอมหนึบวัยเก๋า และบรีล เอ็มโบโล อยู่กันพร้อมหน้า ส่วนอีกคู่เตะวันเดียวกัน “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าภาพ จะดวลกับ “โคนม” เดนมาร์ก นัดนี้ฮูเลียน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์เลือดเบียร์ จะต้องปรับทัพเล็กน้อยเมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งานโจนาธาน ทาห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งติดโทษแบน ทำให้ต้องส่งนิโก ชล็อตเตอร์เบค ลงทำหน้าที่แทน ส่วนตัวหลักอย่างโทนี โครส อิลคาย กุนโดกัน จามาล มูเซียลา ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ และไค ฮาเวิร์ตซ์ อยู่กันครบ ส่วนแคสเปอร์ ฮุลมันด์ นายใหญ่เลือดเดนส์ก็เจอปัญหาเช่นกันเมื่อมอร์เตน ฮูลมานด์ กองกลางจอมขยันที่ติดโทษแบน อย่างไรก็ตามตัวหลักๆอย่างปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก คริสเตียน อีริคเซน และราสมุส ฮอยลุนด์ ยังอยู่กันพร้อมหน้า
ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2024 หรือ “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนี ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะเริ่มต้นฟาดแข้งในวันที่ 29 มิ.ย. คู่แรกของรอบน็อกเอาต์ “อัซซูรี” อิตาลี แชมป์เก่าที่ผ่านมาเข้ารอบเป็นอันดับ2 ของกลุ่มบี จะดวลกับสวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ คู่นี้ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และ ทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด
ลูชาโน สปัลเล็ตติ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนของทีมชาติอิตาลี ต้องปวดหัวพอสมควรในเกมนี้เมื่อจะไม่มีริคาร์โด กาลาฟิโอรี เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่ง ที่เป็นฮีโร่ยิงประตูตีเสมอโครเอเชีย 1-1 ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ทำให้ทางสปัลเล็ตติต้องเลือกตัวตายตัวแทนเพื่อมาจับคู่กับอเลสซานโดร บาสโตนี เซ็นเตอร์ตัวหลัก โดยตอนนี้มี 2 ตัวเลือกอย่างเฟเดริโก กัตติ และเกียนลูกา มันชินี ที่กำลังแย่งชิงเพื่อตำแหน่งตัวจริง เท่านั้นยังไม่พอ อดีตกุนซือนาโปลียังต้องเช็กอาการของเฟเดริโก ดิ มาร์โก แบ็กซ้ายตัวเก่งที่มีอาการเจ็บติดตัวมา แต่คาดว่าน่าจะฟิตพอทันลงสนาม
ส่วนตัวหลักคนอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็นจิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ผู้รักษาประตูกัปตันทีมจอร์จินโญ กองกลางตัวเก๋า นิโคโล บาเรลลา เฟเดริโก เคียซา ลอเรนโซ เปเลกรินี ส่วนแดนหน้าที่ยังไม่มีใครที่ยิงประตูได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นจิอันลูกา สกามัคคา หรือมาเตโอ เรเตกี ทำให้ทางสปัลเล็ตติต้องเลือกในวินาทีสุดท้ายว่าจะเลือกใช้งานใคร
ด้าน “แดนนาฬิกา”สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ นัดนี้ มูรัต ยาคิน เฮดโค้ชชาวสวิสจะต้องปรับทัพเล็กน้อยเมื่อซิลวาน วิดเมอร์ กองกลางคนสำคัญที่ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 นัด เชื่อว่าทางยาคินจะส่งรูเบน วาร์กัส ลงวาดลวดลายแทน แต่ตำแหน่งอื่นๆอยู่กันพร้อมหน้า นำทัพโดยกรานิต ชากา กัปตันทีมคนเก่ง ยานน์ ซอมเมอร์ จอมหนึบวัยเก๋า ฟาเบียน แชร์ แดน เอ็นดอย ส่วนแดนหน้าจะเลือกใช้งาน บรีล เอ็มโบโล กองหน้าตัวเก่งลงยืนหน้าเป้า
ส่วนอีกคู่ในรอบ 16 ทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าภาพที่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มเอ จะดวลกับ “โคนม” เดนมาร์ก ที่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ2 ของกลุ่มซี คู่นี้ฟาดแข้งกันที่ ซิกแนล ไอดูนาพาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ เวลา 02.00 น. ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด
ฮูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือเลือดเบียร์มีปัญหาในการจัดทัพ โจนาธาน ทาห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งติดโทษแบนหลังจากสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ทำให้ทางนาเกลส์มันน์ต้องปรับทัพส่งนิโกชล็อต เตอร์เบคให้ลงยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับอันโตนิโอ รูดิเกอร์ แนวรับตัวเก่งจากเรอัล มาดริด ส่วนตำแหน่งอื่นๆไม่มีการเปลี่ยนแปลง แดนกลาง โทนี โครส กองกลางจอมเก๋าจะคอยบัญชาเกมแดนกลาง อิลคาย กุนโดกัน กัปตันทีมผนึกกำลังจามาล มูเซียลา ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ปั้นเกมรุก แดนหน้ายังวางใจไค ฮาเวิร์ตซ์ รับหน้าที่กองหน้าตัวเป้าแม้ว่าฟอร์มช่วงหลังจะไม่ค่อยดีก็ตาม
ด้าน “โคนม” เดนมาร์ก ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซี ด้วยสถิติเสมอรวด 3 นัด นัดนี้ แคสเปอร์ ฮุล มันด์ นายใหญ่เลือดเดนส์ ต้องปวดหัวจะหมดสิทธิ์ใช้งานมอร์เตน ฮูลมานด์ กองกลางตัวเก่งที่ติดโทษแบนหลังได้ใบเหลืองตามโควต้า แนวรับวางโจอาชิม แอนเดอร์สัน อันเดรียส คริสเตียเซน ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก กองกลางตัวเก่งผนึกกำลังกับอเล็กซานเดอร์ บาห์ โทมัส
เดอลานีย์ ราสมุส คริสเตนเซน ขับเคลื่อนเกมกลางสนาม คริสเตียน อีริคเซน รับบทเพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมรุก แดนหน้ามีราสมุส ฮอยลุนด์เป็นตัวทีเด็ด
สรุปการประกบคู่รอบ 16 ทีม วันที่ 29 มิ.ย. สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี เยอรมนี พบ เดนมาร์ก วันที่ 30 มิ.ย. อังกฤษ พบ สโลวะเกีย สเปน พบ จอร์เจีย วันที่ 1 ก.ค. ฝรั่งเศส พบ เบลเยียม โปรตุเกส พบสโลวีเนีย และวันที่ 2 ก.ค. โรมาเนีย พบ เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย พบ ตุรกี
ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/2796657
