พูดได้ไหม “วอล์คเกอร์” แฉยับ “โอลิเวอร์” เบื้องหลังแมนฯ ซิตี้ โดนอาร์เซนอลยิง (คลิป)

 

เกิดอะไรขึ้น? ไคล์ วอล์คเกอร์ แฉแหลก ไมเคิล โอลิเวอร์ เบื้องหลังแมนฯ ซิตี้ เสียประตูให้อาร์เซนอล ศึกชิงจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก

วันที่ 23 กันยายน 2567 ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็กขวากัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้สัมภาษณ์หลังจบบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดบ้านไล่ตามตีเสมอ อาร์เซนอล ที่เหลือ 10 คน 2-2 ชนิดที่เกือบแพ้ โดยได้ประตูในช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+8 จาก จอห์น สโตนส์

แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 จาก เออร์ลิง ฮาลันด์ ก่อนโดน อาร์เซนอล ตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 22 จากจังหวะฉวยโอกาสเล่นฟรีคิกเร็ว ซึ่งประตูนี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ เสียตำแหน่งจนถอยกลับมาคุมพื้นที่ไม่ทัน และถูก ริคคาร์โด กาลาฟิโอรี ซัดเข้าไปอย่าสวยงาม

ล่าสุด กัปตันทีมแมนฯ ซิตี้ เผยเบื้องหลังจังหวะเสียประตู 1-1 ว่า เขาถูกผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์ เรียกไปชี้แจงจังหวะฟาวล์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับ บูกาโย ซากา กัปตันทีมอาร์เซนอล ซึ่งยังไม่ทันจบบทสนทนา “ปืนใหญ่” ก็ได้รับอนุญาตให้เล่นเร็วแล้ว

 

วอล์คเกอร์ อธิบายผ่านทาง บีบีซี เรดิโอ ไฟว์ ไลฟ์ ว่า “สิ่งที่ผมจะพูดคือผมไม่ได้เป็นคนเข้าไปหาผู้ตัดสิน ผมและ บูกาโย (ซาก้า) ยังไม่ได้เข้าไปหา แต่เขาเรียกเราไปแล้ว”

“ดังนั้นถ้าผมถูกเรียกตัวไปหาผู้ตัดสิน เขาควรรอและปล่อยให้ผมกลับเข้าที่ก่อนที่บอลจะข้ามหัวผมไป ถ้าผมไปหาผู้ตัดสินด้วยตัวผมเอง และผมหลุดตำแหน่ง มันเป็นความผิดของผม แต่ผมอยู่ในตำแหน่งที่เขาเรียกกัปตันทั้ง 2 ทีมมาอย่างชัดเจนเพื่อให้นักเตะใจเย็นลง”

“ผมกำลังเดินกลับไป จากนั้นลูกบอลก็ลอยข้ามหัวผม ผมกับ ไมค์ มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก และผมคิดว่าเขามีงานหนักมาก โดยเฉพาะในเกมระดับสูงสุด ผมรู้ว่าเขามีงานที่หนักพอแล้ว เขาต้องเจอผู้เล่นขี้โมโหถึง 22 คน ตะโกนใส่เขาอย่างต่อเนื่อง”

“แต่ถ้าผมเดินเข้าไปหาเอง มันก็ยุติธรรมเพียงพอ แต่สำหรับเขาที่จะเรียกกัปตันทั้งสองคนมา แล้วไม่ให้ผมกลับเข้าประจำตำแหน่ง ถ้าผมเป็นผู้รักษาประตู เขาจะยอมให้ผมกลับไปเฝ้าเสาไหมล่ะ?”

“แน่นอน ผมเป็นกองหลัง ผมเป็นด่านแรกของแนวรับที่เขาควรจะให้ผมกลับไปประจำตำแหน่งก่อนและเตรียมตัวให้พร้อม จากนั้นจึงค่อยเป่านกหวีดเริ่มเล่น”

จากนั้น อาร์เซนอล ก็แซงนำ 2-1 จากกาเบรียล มากัลไญส์ ในนาทีที่ 45+1 แต่จุดเปลี่ยนของเกมอยู่ที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ มาโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออก นาทีที่ 45+8 ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ จะตีเสมอได้สำเร็จในนาทีบาปก่อนจบเกม

 

ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2816013