แฮร์รี เคน ศูนย์หน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ยิงประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษหลังในเวลา 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ช่วยให้ทีมเอาชนะ เดนมาร์ก และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึก ยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2564 เป็นการแข่งขันในรอบ 4 ทีมสุดท้าย คู่ที่สอง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นที่สนามเวมบลีย์ พบ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก
อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ไล่ต้อนเอาชนะ ยูเครน มาแบบขาดลอย 4-0 ยังไม่เสียประตูให้ใครในทัวร์นาเมนต์นี้ เกมนี้ยังคงวาง แฮร์รี่ เคน เป็นกองหน้าตัวเป้า และใช้ ราฮีม สเตอร์ลิง, บูกาโย ซากา ทำเกมด้านข้าง โดยมี คาลวิน ฟิลลิปส์ จับคู่แดนกลางกับ ดีแคลน ไรซ์
ขณะที่ เดนมาร์ก ของกุนซือแคสเปอร์ ยูลมานด์ รอบก่อนรองฯ เฉือนชนะ เช็ก มาแบบหวุดหวิด 2-1 เกมนี้ยังใช้บริการ แคสเตอร์ ดอลเบิร์ก ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ขนาบข้างด้วย มิคเคล ดามส์การ์ด, มาร์ติน เบรธเวต โดยมี ซิมอน เคียร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด และอันเดรส คริสเตนเซ่น คุมแนวรับ
“สิงโตคำราม” ออกสตาร์ทได้อย่างคึกคักตั้งแต่เริ่ม เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่เดนมาร์กได้มากกว่าในช่วง 15 นาทีแรก แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์เน้นไม่ได้
น.28 กลายเป็นเดนมาร์ก ที่ถึงแม้บุกน้อยกว่าแต่ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลูกฟรีคิก 30 หลา ของ มิคเคล ดามส์การ์ด ยิงด้วยขวาบอลฮุคเข้าประตูไปอย่างสุดสวย ถือเป็นการเสียประตูแรกของ อังกฤษ ในทัวร์นาเมนต์นี้
หลังเสียประตู อังกฤษ เดินหน้าบุกอย่างหนัก และก็มาตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่ แฮร์รี่ เคน แทงทะลุช่องให้ บูกาโย ซากา หลุดมาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางจะให้ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมาชาร์จ แต่กลายเป็น ซิมอน เคียร์ ที่พยายามสไลด์เคลียร์แต่โดนเหลี่ยมไม่ดี กลายเป็นเข้าประตูตัวเอง และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังต่างฝ่ายต่างเแลกเกมกันอย่างสนุก เป็น อังกฤษ ที่บุกได้เยอะกว่า พยายามหาช่องเจาเพื่อทำประตูที่สองให้ได้ แต่ในจังหวะสุดยังทำได้ไม่ดีพอ และสุดท้ายไม่มีใครทำอะไรกันได้เพิ่มเติมใน 90 นาที เสมอกันไป 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ยังคงเป็นอังกฤษที่ดาหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง และก็มาได้จุดโทษในนาทีที่ 102 จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง โดน โยอาคิม เมห์เล สกัดล้มในเขตโทษ โดย แฮร์รี เคน เป็นคนสังหารไปติดเซฟของแคสเปอร์ ชไมเคิล ในจังหวะแรก แต่บอลเด้งมาเข้าทางของเจ้าตัวซ้ำเข้าไปไม่พลาดช่วยให้ “สิงโตคำราม” ขึ้นนำ 2-1 เป็นประตูที่ 4 ของหัวหอกจากทีม “ไก่เดือยทอง” ในทัวร์นาเมนต์นี้
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 120 นาที อังกฤษ เฉือนเอาชนะ เดนมาร์ก ไปแบบหวุดหวิด 2-1 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจะไปพบกับ อิตาลี ในคืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคม 2564 เวลา 02.00น. ตามเวลาประเทศไทย
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์, คาลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์, บูกาโย ซากา, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี่ เคน
เดนมาร์ก : แคสเปอร์ ชไมเคิล (GK), ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ซิมอน เคียร์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซน, ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์แบร์ก, โธมัส เดลานีย์, โยอาคิม เมห์เล, มิคเคล ดามส์การ์ด, มาร์ติน เบรธเวต, แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก