“Spending Cap” กฎเพดานค่าใช้จ่าย ที่หวังลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความเสมอภาคในพรีเมียร์ลีก
วันที่ 1 พ.ค. 67 “Spending Cap” หรือกฎเพดานกำหนดค่าใช้จ่าย ที่ทาง พรีเมียร์ลีก เตรียมเปิดใช้กฎนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังลดความเหลื่อมล้ำทางเม็ดเงินของทีมใหญ่ เพิ่มความเสมอภาคให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังมีทีมใหญ่บางทีมที่มีอำนาจทางการเงินเหนือกว่าสโมสรในระดับกลางและระดับเล็ก
เป็นที่เข้าใจกันว่า ทาง พรีเมียร์ลีก มีการเปิดให้ 20 ทีมในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โหวตรอบแรกไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่ามีถึง 16 สโมสรที่เห็นชอบ ซึ่งมี 3 ทีมที่ไม่เห็นด้วยนั่นคือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้, “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ส่วน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี คือทีมเดียวที่งดออกเสียงโหวตในครั้งนี้
ซึ่งผลโหวตข้างต้นนั้นผ่านเกณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากถูกข้อกำหนดเห็นชอบที่ต้องมีในอัตราส่วน 14 ทีมใน 20 ทีมที่มีสิทธิ์โหวต ด้วยจำนวนผลโหวตท้วมท้นขนาดนี้ นั่นเท่ากับว่าในฤดูกาล 2024-25 จะได้เห็นกฎอย่างแน่นอน ด้วยข้อกำหนดว่าแต่ละทีมจะต้องใช้จ่ายซื้อนักเตะ, ค่าเหนื่อย, ค่าเอเย่นต์ และอื่นๆ รวมแล้วด้วยอัตราส่วนไม่เกิน 5 เท่าของค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และเงินรางวัลที่ได้รับของทีมอันดับสุดท้ายของตาราง
คิดง่ายๆ สมมติหากทีมอันดับสุดท้ายได้ค่าเงินรางวัลและค่าลิขสิทธิ์ จำนวนรวมเป็นตัวเลขกลมๆ ให้เข้าใจง่ายที่ 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,647 ล้านบาท) เมื่อคูณด้วย 5 เข้าไปก็จะได้ 500 ล้านปอนด์ (23,239 ล้านบาท)
นั่นหมายความว่า ถ้าทีมที่มีรายได้มากกว่านี้ 500 ล้านปอนด์ (23,239 ล้านบาท) ก็ไม่สามารถใช้จ่ายได้มากกว่าตัวเลขเม็ดเงินข้างต้นอยู่ดี นี่คือข้อเสียที่ 3 ทีมเห็นต่างมองว่ามันไม่แฟร์เท่าไรกับพวกเขาที่หาเงินได้มากกว่า แต่ต้องถูกกำหนดให้ใช้จ่ายเท่ากับทีมอันดับสุดท้ายของตาราง และมองว่ากฎนี้จะมีข้อเสียที่อาจลดคุณภาพของพวกเขาและลีกลงไป เพราะไม่สามารถทุ่มงบประมาณได้เหมือนเดิม
ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2782453